Tanii Wiki
Register
Advertisement
ตานี
Gluai
ประเภท กึ่งวิญญาณ
รูปร่างลักษณะ เหมือนมนุษย์
ส่วนสูง/ความยาว เหมือนมนุษย์
น้ำหนัก เปลี่ยนได้ตามใจตั้งแต่ 2x10-15kg ไปจนถึง 1.5x108kg
เพศ หญิงเท่านั้น
ที่มา ตานนะคอน (รุ่นแรกมาจากหลวงน้ำทา)
ช่วงปีที่มีอยู่ 3461-ปัจจุบัน
ช่วงชีวิต 80-100 ปี
ประชากร 2000+ (4153), 5? (หลังสวนกล้วยแตก)
สถานะ ปกติ (4153), ใกล้สูญพันธุ์ (หลังสวนกล้วยแตก)
สเกลซอ 4-3-2-3-I
ภาษา เวียงตาน, สารขัณฑ์, อีสาน
การปกครอง สมบูรณาญาสิทธิราชย์ไม่สมบูรณ์ ราชินีเป็นประมุข

ตานี เป็นคำเรียกตัวเองของวิญญาณผู้พิทักษ์เมืองที่สิงสถิตอยู่ในต้นกล้วยของป่ากล้วยตานีกลางเมืองตานนะคอน หน้าที่การกำจัดภูตผีปีศาจของตานีในปัจจุบันค่อนข้างแตกต่างจากเผ่าพันธุ์วิญญาณผู้พิทักษ์อื่นๆ คือจะส่งเพียงเผ่าพันธุ์วิญญาณร้ายที่ทำร้ายหรือรบกวนมนุษย์ไปเท่านั้น ไม่ได้ส่งเผ่าพันธุ์วิญญาณทุกตนที่เจอไป

ตานีปกครองตัวเองในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์และมีการจัดการในลักษณะกองทัพแบ่งเป็นหมู่เหล่า และแม้จะมีประวัติศาสตร์ไม่ยาวนานนักเมื่อเทียบกับวิญญาณผู้พิทักษ์ของรัฐอื่นโดยรอบ (เช่นกะ) แต่ตานีก็เป็นเผ่าพันธุ์วิญญาณที่มีอิทธิพลต่อสังคมและวัฒนธรรมของตานนะคอนและเมืองอื่นๆในรัฐเวียงตานมากที่สุด และมีประวัติศาสตร์มายาวนานก่อนการตั้งรกรากของมนุษย์พวกแรกในเมืองตานนะคอนเสียอีก

ลักษณะเผ่าพันธุ์[]

ตานีมีรูปร่างเหมือนมนุษย์ มีเฉพาะเพศหญิงเพียงเพศเดียว วิญญาณที่จะกลายเป็นตานีได้ต้องตายในบริเวณเมืองหรือรอบเมืองตานนะคอน และได้รับเลือกจากราชินีตานี ตานีใหม่จะเข้าสิงสถิตในต้นกล้วยที่เพิ่งแตกหน่อออกจากต้นกล้วยที่มีตานีสิงสถิตอยู่เดิม ในบางกรณีที่หายากอาจเข้าสิงในต้นกล้วยใหม่ที่เพิ่งเกิดจากเมล็ด หรือต้นกล้วยที่มีอยู่แล้วก็ได้ ตานีที่เพิ่งเกิดจะอยู่ในสภาพของเด็กทารก และจะเจริญเติบโตในอัตราใกล้เคียงกับมนุษย์ จนกระทั่งมีอายุได้ราว 17-18 ปี ร่างกายภายนอกก็จะหยุดการเจริญเติบโตรวมทั้งหยุดการเปลี่ยนแปลง ทำให้ตานีดูเป็นสาวไปจนกระทั่งสิ้นอายุ ตานีมีอายุได้ถึง 100 ปีขึ้นไป แม้ปกติจะสิ้นอายุเมื่อมีอายุได้ประมาณ 70-80 ปีก็ตาม

ตานีที่เกิดใหม่จะมีความสัมพันธ์กับต้นแม่ในรูปแบบแม่กับลูก โดยเจ้าของต้นแม่จะเลี้ยงดูและถ่ายทอดวิชาต่างๆให้กับตานีใหม่ จนกระทั่งมีอายุได้ประมาณ 7 ปีก็จะแยกหน่อไปปลูกเป็นต้นใหม่ แต่ก็มีการบันทึกเอาไว้ว่ามีตานีที่แยกหน่อไปตั้งแต่อายุได้เพียงสามปี (ตัวอย่างหนึ่งคือกล้วย) และก็มีตานีบางตนที่เกาะอยู่กับต้นแม่จนอายุได้ถึงยี่สิบปี

ต้นกล้วยที่ตานีสิงสู่มีเฉพาะกล้วยตานีเท่านั้น เมื่อตานีเข้าสิงสถิต ต้นกล้วยจะใหญ่ขึ้น (สูงได้ถึงแปดเมตร) มีอายุยืนขึ้น ซึ่งโดยปกติจะมีอายุเท่ากับตานีเจ้าของต้นกล้วย เมื่อตานีสิ้นอายุต้นกล้วยก็จะตายตามไปด้วย ชะตาชีวิตของตานีกับต้นกล้วยผูกกันอย่างแน่นแฟ้น เช่นเดียวกับหากตานีตาย หากต้นกล้วยตายหรือมีใครตัด ตานีเจ้าของกล้วยต้นนั้นก็จะสิ้นอายุไปด้วย แม้จะมีบางครั้งบางคราวที่ตานีสามารถหากล้วยต้นอื่นอยู่ได้ทันเวลา หรือมีตานีบางตนที่ไม่จำเป็นต้องอาศัยต้นกล้วยก็ตาม

ตานีมีพลังพิเศษเหนือธรรมชาติ ซึ่งแตกต่างกันไปตามการฝึกฝนของแต่ละตน แต่ส่วนใหญ่มักจะฝึกสมาธิและการใช้อาวุธยิง และมีพลังพิเศษพื้นฐานเช่นการพรางตา สะกดจิตมนุษย์ และการควบคุมวิญญาณอื่นๆ พลังเหล่านี้จะมากขึ้นเมื่อมีแรงศรัทธาจากมนุษย์และ/หรือเหล่าวิญญาณภูตผีปีศาจอื่นๆ และจะเสื่อมลงหากไม่ได้รับความเชื่อถือ ถูกเกลียดชัง หรือถูกต่อต้านด้วยสิ่งอัปมงคล

น้ำหนัก[]

น้ำหนักของตานีสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามใจด้วยมีสถานะเป็นกึ่งวิญญาณ ตานีสามารถเปลี่ยนแปลงน้ำหนักของตัวเองได้ตั้งแต่ 2 พิโคกรัม (2x10-15kg) ไปจนถึง 150,000,000 กิโลกรัม (150 กิกะกรัม หรือ 1.5x108kg) แต่โดยปกติแล้วตานีมักจะคงน้ำหนักเอาไว้ที่ระหว่าง 25-80 กิโลกรัมขึ้นอยู่กับภารกิจที่ปฏิบัติ ตานีหน่วยอาวุธระยะใกล้และอาวุธจู่โจมมักคงน้ำหนักที่ประมาณ 25-50kg เพื่อให้คล่องตัว ในขณะที่หน่วยอาวุธระยะไกลมักคงน้ำหนักเอาไว้ที่ราว 50-80kg เพื่อต้านแรงถีบของปืนและแรงลม ระหว่างที่ไม่ได้ปฏิบัติภารกิจ ตานีมักคงน้ำหนักที่ระหว่าง 40-60kg ซึ่งเทียบได้กับผู้หญิงมนุษย์ทั่วไป

การดำรงชีวิต[]

ตานีมีลักษณะการดำรงชีวิตคล้ายมนุษย์มาก มีโรงเรียน มหาวิทยาลัยและสถานพยาบาลเพียบพร้อม สถานที่สาธารณะส่วนใหญ่อยู่ในเขตช้างม่อย เขตทุ่งเมืองและทุ่งยั้ง ซึ่งแบ่งแยกเป็นสัดส่วนกับพื้นที่โรงงานซึ่งอยู่ในเขตหมายตานและทางตอนใต้ของเขตช้างม่อย ตานีมีการศึกษาภาคบังคับทั้งหมด 16 ปี แบ่งเป็นประถมหกปี มัธยมหกปี และมหาวิทยาลัยสี่ปี ตานีสามารถเรียนมากกว่าการศึกษาขั้นพื้นฐานได้ ซึ่งเทียบเท่าปริญญาโทของมนุษย์ แต่ในบางสาขาวิชาเช่นยานเกราะ เครื่องบิน เรือและอาวุธ ความรู้ของระดับปริญญาโทก็เกินความรู้ของระดับปริญญาเอกของมนุษย์ไปพอสมควร

หลังจากสำเร็จการศึกษา ตานีจะเข้าทำงานในสำนักงานต่างๆของตานี ซึ่งมีตั้งแต่สถานีวิจัยอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ โรงงานผลิตอาหาร เหมืองแร่ สถานพยาบาล หรือเป็นครูผู้สอนในสถานศึกษา ตานีในทุกตำแหน่งงานตั้งแต่ผู้เพาะปลูกจนกระทั่งหัวหน้าสำนักงานถือว่ามีความเท่าเทียมกัน แต่จะแบ่งชั้นกันด้วยสายการบังคับบัญชาในงานปราบปรามภูตผีปีศาจเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ของที่ใช้ในการดำรงชีวิตจะถูกจัดสรรปันส่วนอย่างเท่าเทียมกัน ทำให้สามารถจัดการปกครองของตานีเข้าในระบอบคอมมิวนิสต์ได้เช่นเดียวกับสมบูรณาญาสิทธิราชย์

งานปราบภูตผีปีศาจถือเป็นหน้าที่ของตานีทุกตน ซึ่งจะรับหน้าที่เป็นช่วงละสองหรือสามวัน หนึ่งอาทิตย์ตานีแต่ละตนจะต้องเข้ารับงานอย่างน้อยสองวัน ตานีจะแบ่งแยกเหล่าทัพเป็นสามเหล่าทัพ ซึ่งแต่ละเหล่าทัพจะทำการเรียนและฝึกส่วนใหญ่ร่วมกัน แต่เมื่อออกปฏิบัติการ ตานีจะแบ่งออกเป็นชุดโจมตีซึ่งประกอบด้วยตานีทั้งหมด 3-6 ตน โดยมีหน่วยอาวุธระยะไกล หน่วยอาวุธจู่โจม และหน่วยอาวุธระยะใกล้อย่างน้อยอย่างละหนึ่งตน ในกรณีที่จำนวนไม่พออาจละอย่างใดอย่างหนึ่งไว้ได้ ชุดโจมตีเหล่านี้มักจะจับกลุ่มกันตายตัว ยกเว้นแต่ในสถานการณ์ฉุกเฉินซึ่งราชินีตานีหรือผู้บังคับบัญชาระดับสูงจะเป็นผู้จัดชุดให้

ประวัติ[]

ยุคเริ่มต้น[]

ในปี 3461 วิญญาณหญิงสาวสี่ตนจากหลวงน้ำทาเดินทางเร่ร่อนหนีการจับกุมของยมทูตมาทางตะวันออก จนกระทั่งมาถึงพื้นที่ป่าสนหนาทึบริมฝั่งแม่น้ำตานซึ่งไม่มีมนุษย์อาศัยอยู่ วิญญาณทั้งสี่ซึ่งเหลือพลังงานวิญญาณน้อยเต็มทีตัดสินใจเข้าสิงในต้นกล้วยตานีซึ่งกระจายตัวอยู่สลับกับป่าสนในแถบนั้น เนื่องจากต้นกล้วยมีความเหมาะสมในการเป็นที่สิงสู่มากกว่าต้นสน และมีขนาดกำลังพอดีที่จะบรรจุพลังงานวิญญาณเอาไว้ได้ ในปัจจุบัน บริเวณต้นกล้วยสี่ต้นแรกอยู่ในพื้นที่ของเขตตานหมั้นทางเหนือของเมืองตานนะคอน ห่างจากสวนกล้วยปัจจุบันประมาณแปดกิโลเมตร

วิญญาณบางตนจากหลวงน้ำทาที่ได้ยินข่าวการตั้งถิ่นฐานก็เดินทางมา ส่วนมากหวังจะใช้ความหนาทึบและห่างไกลของป่าสนหลบหนีการตามล่าของยมทูตและหน่วยงานอื่นๆจากโลกหลังความตาย ซึ่งตานีรุ่นแรกทั้งสี่ตนก็ยอมให้เข้าสิงในต้นกล้วยตานีต้นอื่นๆได้ โดยมีข้อแม้ว่าต้องเป็นวิญญาณของผู้หญิงเท่านั้น

การเข้ามาของมนุษย์[]

ราวทศวรรษที่ 3480 มนุษย์ก็เริ่มเข้ามาตั้งรกรากที่ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำตานเป็นครั้งแรก และตั้งเมืองขึ้นในชื่อเมืองกล้วย ในช่วงแรก ตานีซึ่งในขณะนั้นมีจำนวนประชากรราวห้าสิบตนตัดสินใจดำเนินชีวิตไปตามปกติโดยไม่ยุ่งเกี่ยวกับพวกมนุษย์ อย่างไรก็ตาม ไม่นานมนุษย์ก็เริ่มข้ามมาสร้างบ้านเรือนบนฝั่งตะวันตกของแม่น้ำตาน และเริ่มรุกล้ำป่าสนเพื่อทำไม้ ซึ่งสร้างความเสียหายต่อป่ากล้วยและทำให้ตานีสิ้นชีวิตไปก่อนวัยอันควรเกือบสิบตน

ตานีซึ่งไม่อยากจะมีเรื่องให้โลกหลังความตายจับได้ตัดสินใจย้ายที่อยู่ถอยไปยังป่ากล้วยที่อยู่ลึกกว่า แต่มนุษย์ที่เริ่มอุตสาหกรรมทำไม้อย่างจริงจังก็รุกล้ำตามมาถึงจนได้ สี่ตานีผู้ให้กำเนิดจึงตัดสินใจปิดล้อมเมืองกล้วยและโจมตีมนุษย์จนล้มตายไปเป็นจำนวนมาก โลกหลังความตายตัดสินใจเข้าช่วยฝ่ายมนุษย์หวังจะจับตานีไปให้หมด แต่ตานีซึ่งมีพลังวิญญาณสูงมากเนื่องจากฝึกมาตลอดระยะเวลายี่สิบปีสู้รบจนฝ่ายโลกหลังความตายต้องถอย และในที่สุดก็ยื่นข้อเสนอให้มีการทำสนธิสัญญาตานี-มนุษย์-โลกหลังความตาย ซึ่งมีใจความสำคัญว่ามนุษย์จะไม่ทำร้ายตานี และโลกหลังความตายก็จะไม่เอาตัวตานีไป แต่ตานีจะต้องปกป้องมนุษย์จากผีและวิญญาณร้ายต่างๆ ตานีจึงอยู่ในฐานะของวิญญาณผู้พิทักษ์เมืองโดยปริยาย

เปลี่ยนจากพลังและเวทมนตร์เป็นอาวุธ[]

แม้จะทำสนธิสัญญาแล้ว แต่การกระทบกระทั่งระหว่างตานีกับมนุษย์ก็ยังมีอยู่ประปราย แต่ที่น่ากลัวกว่านั้นคือมนุษย์บางพวกโดยเฉพาะเหล่าผู้มีคาถาอาคมต้องการพลังของตานีมาไว้ในมือตัวเอง ในช่วงปี 3520-3530 มีการบุกรุกเข้าสวนกล้วยบ่อยครั้ง และบางครั้งตานีก็ถูกทำร้ายโดยคาถาอาคมจากเหล่าหมอผี หมอผีเหล่านี้ยังปลุกปั่นชาวบ้านให้เข้าใจผิดและเกลียดชังตานี จนกระทั่งในวันที่ 7 ธันวาคม 3534 ชาวบ้านก็ได้รวมตัวกันโดยมีหมอผีเป็นแกนนำ นำของต่ำ สิ่งปฏิกูลและขยะไปทิ้งเอาไว้ใกล้สวนกล้วย

เมื่อครั้งทำสนธิสัญญาฯ โลกหลังความตายได้จำกัดพลังของตานีให้ขึ้นอยู่กับศรัทธาของมนุษย์ และพลังนั้นจะอ่อนแอลงเมื่อถูกของไม่เป็นมงคลหรือมีพลังงานด้านลบทั้งหลาย เมื่อถูกเกลียดชังบวกกับมีสิ่งปฏิกูลทิ้งอยู่รอบสวนกล้วย ตานีจึงอ่อนแอลงอย่างมาก และในคืนวันที่ 8 ธันวาคม 3534 ชาวบ้านก็ได้บุกเข้าทำลายสวนกล้วยจนตานีสิ้นอายุไปหลายสิบตน อย่างไรก็ตาม มีตานีกลุ่มหนึ่งที่รอดมาได้ ซึ่งตานีกลุ่มนี้เน้นการใช้อาวุธโดยเฉพาะธนูมากกว่าจะใช้คาถาอาคมหรือพลังวิญญาณอย่างตานีทั่วไป หลังจากการรบครั้งนี้ ตานีจึงตัดสินใจว่าจะใช้อาวุธและสิ่งประดิษฐ์แทนที่จะใช้พลังที่ไม่แน่นอนและขึ้นอยู่กับศรัทธาของมนุษย์ การรบครั้งนี้เรียกกันว่าการรบที่สวนกล้วย (3534) หรือการยุทธครั้งแรกของสวนกล้วย

หลังจากนั้นสิบสามปี ในปี 3547 ตานีก็คิดค้นอาวุธยิงที่ใช้ดินปืนได้เป็นครั้งแรก โดยแสง ลูกของแก้ว

นรกแตกครั้งที่หนึ่ง[]

เหตุการณ์นรกแตกหมายถึงการที่วิญญาณและภูตผีปีศาจต่างๆ รวมพลังกันฝ่ายามและระบบรักษาความปลอดภัยของโลกหลังความตายกลับมายังโลกมนุษย์ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในเดือนกรกฎาคมปี 3578 โดยภูตผีปีศาจจำนวนราว 40,000 ญาณฝ่าออกมาจากโลกหลังความตาย เป้าหมายแรกของภูตผีปีศาส่วนใหญ่คือตานีผู้ส่งพวกมันไปยังโลกหลังความตาย ตานีที่เพิ่งจะคิดค้นกระสุนต่อต้านวิญญาณที่มีประสิทธิภาพและเสถียรภาพดีพอใช้อาวุธใหม่นี้ยิงต่อสู้ แต่ก็สูญเสียตานีไปเป็นจำนวนมากรวมทั้งราชินีปุย เหตุการณ์สงบหลังจากนั้นเกือบสามเดือน โดยตานีเหลือประชากรอยู่ราว 1,500 ตนจากเดิมราว 4,000 ตน และเมืองกล้วยซึ่งเดิมมีประชากรมนุษย์อยู่ราว 40,000 คน เหลือรอดอยู่เพียง 5,000 คนเท่านั้น

การรบที่สวนกล้วย (3615)[]

หลังจากช่วงค่อนข้างสงบราวสี่สิบปี มนุษย์ก็เริ่มโจมตีตานีอีกครั้ง นำโดยกลุ่มหมอผีซึ่งส่วนใหญ่เป็นลูกของชาวเมืองกล้วยที่เสียชีวิตในเหตุการณ์นรกแตกครั้งที่หนึ่ง ซึ่งมีความรู้สึกว่าตานีรักษาชีวิตตัวเองและปล่อยให้มนุษย์ตาย เหตุการณ์การรบครั้งนี้เป็นครั้งที่รุนแรงที่สุดในสมัยนั้นจนกระทั่งถึงปี 3687 และราชินีตานี (ราชินีเชียง) ถูกสังหารโดยมนุษย์เป็นครั้งแรก เหตุการณ์ครั้งนั้นสงบลงโดยราชินีคำที่สองสังหารกลุ่มหมอผีและยกพลล้อมมนุษย์ จนมนุษย์ตัดสินใจเจรจาสงบศึกและทำข้อตกลงเวียงตาน ซึ่งใจความสำคัญคล้ายกับสนธิสัญญาฯ ที่ทำขึ้นเมื่อร้อยกว่าปีก่อน

ปืนไรเฟิล[]

ราชินีคำที่สองสนใจในด้านการประดิษฐ์คิดค้นมาก เนื่องจากมาจากหน่วยอาวุธระยะไกลซึ่งจำเป็นต้องคิดค้นอาวุธที่มีประสิทธิภาพตลอดเวลา ตลอดระยะเวลาการดำรงตำแหน่งจึงเต็มไปด้วยการประดิษฐ์คิดค้นอาวุธและอุปกรณ์ใหม่ๆ ตลอดจนการค้นคว้าด้านวิทยาการต่างๆ เช่นวิศวกรรมโยธา การทำเหมืองแร่ และที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งคือการคิดค้นปืนไรเฟิลซึ่งมีเกลียวภายในลำกล้อง การคิดค้นกระสุนปืนไรเฟิลที่บรรจุได้ง่าย และการคิดค้นวิธีการผลิตปืนไรเฟิลอย่างแม่นยำและง่ายขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกัน ทำให้ขีดความสามารถในการรบของตานีเพิ่มขึ้นด้วยระยะการยิงที่ไกลขึ้น แม่นยำขึ้นและอานุภาพการยิงที่รุนแรงมากขึ้น

สงครามกลางเมืองตานีครั้งที่หนึ่ง[]

ในปี 3654 ในสมัยของราชินีมุก คำอ้ายผู้เป็นลูกของราชินีเชียงซึ่งถูกสังหารในการรบที่สวนกล้วยในปี 3615 คิดจะทวงตำแหน่งคืน ด้วยคิดว่าหากแม่ของเธอไม่ตาย เธอก็คงได้รับตำแหน่งต่อ ในตอนแรก คำอ้ายทำได้เพียงรวบรวมสมัครพรรคพวกที่ไม่เห็นด้วยหรือไม่ชอบการปกครองของราชินีคำที่สองและราชินีมุก และก่อการจลาจลเล็กๆน้อยๆขึ้นเท่านั้น และถูกกองกำลังตานีส่วนใหญ่ปราบปรามจนสงบได้ทุกครั้ง แต่การปราบปรามในหลายครั้งก็ก่อความไม่พอใจในหมู่ตานีที่บาดเจ็บ รวมทั้งญาติๆและเพื่อนของเหล่าตานีที่สิ้นอายุด้วยเช่นเดียวกัน ขณะเดียวกัน ตานีอีกกลุ่มก็มองว่าการกระทำของราชินีมุกรุนแรงเกินไป และสุดท้ายก็เข้าร่วมกับคำอ้าย ในที่สุด กำลังพลของทั้งฝ่ายราชินีมุกและคำอ้ายก็เท่ากัน และเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามกลางเมือง

การรบในช่วงแรกเป็นไปอย่างประปรายและเบาบาง แต่เมื่อกองกำลังของคำอ้ายสังหารราชินีมุกได้ในวันที่ 15 กรกฎาคม 3654 สงครามก็รุนแรงขึ้นอย่างฉับพลัน ฝ่ายสนับสนุนราชินีมุกเสียเปรียบเนื่องจากฝ่ายคำอ้ายยึดคลังแสงใหญ่ได้ และในที่สุดก็ต้องล่าถอยออกจากสวนกล้วยไปยังป่าสนทางตอนใต้ของเมืองกล้วยห่างออกไปราวแปดกิโลเมตร ซึ่งเป็นที่ตั้งของสวนกล้วยในปัจจุบัน

คำอ้ายตั้งตัวเป็นราชินี ในระยะการดำรงตำแหน่งของเธอ เธอเน้นติดอาวุธให้หน่วยอาวุธจู่โจมซึ่งเป็นหน่วยที่เธออยู่ และมีการคิดค้นปืนไรเฟิลกึ่งอัตโนมัติขึ้นใช้เป็นครั้งแรก แต่ยังไม่ได้ใช้กันแพร่หลายเนื่องจากไม่น่าเชื่อถือเพียงพอและมักจะติดขัด อย่างไรก็ตาม ทีมวิศวกรอาวุธของคำอ้ายยังได้คิดค้นนวัตกรรมที่สำคัญอีกอย่างคือระบบการทำงานด้วยคันชักลูกเลื่อน (Bolt Action และ Lever Action) ซึ่งทำให้หน่วยอาวุธจู่โจมเปลี่ยนอาวุธมาตรฐานที่ใช้จากดาบมาเป็นปืนไรเฟิลอย่างถาวร ในช่วงแรกหน่วยอาวุธจู่โจมไม่ยอมใช้ปืนไรเฟิลเนื่องจากอัตราการโหลดกระสุนที่ช้าจนไม่ทันการ

แต่ในเดือนตุลาคม ฝ่ายสนับสนุนราชินีมุกก็โจมตีกลับ แม้ฝ่ายราชินีคำอ้ายจะมีปืนที่ยิงเร็ว แต่ฝ่ายสนับสนุนราชินีมุกตัดทางด้วยอุปกรณ์ป้องกันการเคลื่อนที่ในพริบตาและปืนใหญ่ลำกล้องเกลียวที่มีรัศมีการยิงไกลเกือบสิบกิโลเมตร หลังจากโดนยิงถล่มอยู่ฝ่ายเดียวนานนับเดือน ราชินีคำอ้ายก็ตัดสินใจนำกำลังพลที่เหลืออยู่ราวไม่ถึงร้อยตนออกประจัญบานในการรบที่เชียงแสน แสน ผู้บัญชาการรบของฝ่ายสนับสนุนราชินีมุกคิดจะให้กำลังพลออกประจัญบานกลางทุ่งเช่นกัน ด้วยคิดว่าการอยู่แต่ในฐานและยิงปืนใหญ่ใส่ศัตรูดูขี้ขลาดและไม่สมเกียรติ แต่ที่ประชุมของกองทัพไม่เห็นด้วยเนื่องจากจะเป็นการสิ้นเปลืองกำลังพลเกินไป สุดท้าย กำลังพลของราชินีคำอ้ายก็สิ้นอายุไปจนหมดโดยที่ยังเข้าไม่ถึงฐานของฝ่ายต่อต้านเลยแม้สักตนเดียว การรบครั้งนี้ทำให้เกิดค่านิยมการไม่ปรานีฝ่ายตรงข้ามในสนามรบที่ตานียึดถือตลอดมาหลังจากนั้น และยังทำให้เกิดสำนวนว่า "การรบที่เชียงแสน" ซึ่งสื่อถึงการใช้กำลังหรือทรัพยากรไปจำนวนมากอย่างเปล่าประโยชน์อีกด้วย

หลังจบสงครามกลางเมืองครั้งที่หนึ่ง แสนได้รับตำแหน่งราชินีเพราะราชินีมุกไม่มีลูก

เหตุการณ์สวนกล้วยแตกครั้งที่หนึ่ง[]

หลังฟื้นตัวจากสงครามกลางเมืองเพียงไม่กี่สิบปี ผีร้ายรอบๆอาณาเขตเมืองตานนะคอนก็อาศัยจังหวะที่ประชากรตานีเหลือน้อย (เหลือเพียงไม่ถึง 200 ตน) โจมตีสวนกล้วย ตานีที่มีกำลังเพียงน้อยนิดเมื่อเทียบกับผีร้ายนับพันตนพยายามรักษาสวนกล้วยเอาไว้อย่างเต็มความสามารถ แต่ในที่สุด เหล่าผีร้ายก็บุกเข้าสวนกล้วยและจุดไฟเผาได้ในวันที่ 1 มีนาคม 3687 เปลวเพลิงเผาผลาญทุ่งกล้วยตานีจนสิ้นอายุไปเกือบทั้งหมด

เคราะห์ดีที่ต้นกล้วยของตานีราวยี่สิบตนซึ่งย้ายออกจากสวนไปเมื่อครั้งสงครามกลางเมืองยังคงอยู่ในป่าสนทางทิศใต้ของสวนกล้วยเดิม ตานีที่เหลือรอด รวมทั้งราชินีพินจึงแตกพ่ายหนีผีร้ายไปปักหลักที่นั่น เหล่าตานีที่เหลือรอดระดมอาวุธออกต่อสู้กับผีร้าย จนในที่สุด อาวุธที่รุนแรงและล้ำสมัยกว่าของตานีก็ทำให้กองกำลังผีร้ายยอมแพ้ในการรบที่ตานหมั้นในเดือนพฤศจิกายน แต่ก็แลกมาด้วยชีวิตของราชินีพินและตานีอีกสองตน

มีตานีเหลือรอดมาจากเหตุการณ์สวนกล้วยแตกครั้งแรกเพียงสิบหกตนเท่านั้น ซอ ลูกของราชินีพิน ได้รับเชิญให้ดำรงตำแหน่งราชินีตานีต่อเป็นราชินีซอที่สอง ราชินีซอที่สองตัดสินใจย้ายสวนกล้วยทั้งหมดมาอยู่ในป่าสนเนื่องจากเข้าถึงได้ยากและมีต้นสนเป็นปราการธรรมชาติมากมาย ซึ่งสวนกล้วยแห่งนั้นยังคงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน

การติดต่อกับมนุษย์ และเมืองตานนะคอน[]

ในสมัยของราชินีซอที่สอง การติดต่อระหว่างตานีกับมนุษย์เพิ่มขึ้นอย่างมาก ด้วยมีมนุษย์คนหนึ่งเป็นผู้นำการก่อกบฎหวังจะยึดอำนาจจากเจ้าช่อฟ้า เจ้าผู้ครองเมืองกล้วยซึ่งปกครองอย่างโหดร้ายทารุณ การกบฏครั้งนั้นล้มเหลว มนุษย์คนนั้นถูกตามล่าต้องหนีหัวซุกหัวซุนเข้ามาในสวนกล้วย ราชินีซอที่สองนึกสงสาร อีกทั้งเห็นว่าอีกทั้งมนุษย์คนนี้มีความรู้ในด้านการวางแผนการรบ จึงให้ที่พักพิงและสอนวิทยาการต่างๆของตานีให้ ในที่สุด มนุษย์คนนั้นก็ออกจากสวนกล้วยไปรวบรวมกำลังอีกครั้งและปฏิวัติจนสำเร็จ เขาตั้งตัวเป็นเจ้าครองเมืองกล้วยมีชื่อว่าเจ้าล้านสัก และย้ายศูนย์กลางเมืองกล้วยจากตรงข้ามสวนกล้วยเก่าลงมายังตรงข้ามสวนกล้วยใหม่ และเปลี่ยนชื่อใหม่ว่าตานนะคอน เพื่อเป็นเกียรติแก่ตานีที่สอนวิทยาการต่างๆให้

เมืองกล้วยในขณะนั้นเป็นศูนย์กลางการปกครองของนครรัฐที่กระจายตัวอยู่ห่างๆกันในแถบเวียงตานกลาง เช่นเขลางค์ เชียงม่วนและหลวงน้ำทาอยู่แล้ว เมื่อเปลี่ยนผู้ครองนคร หัวเมืองต่างๆจึงแข็งเมือง และในปี 3711 เมืองเขลางค์ เชียงม่วน หลวงน้ำทา แม่สาย และป่ามุก ก็ร่วมมือกันส่งกองทัพมารุกรานด้วยคิดว่าเมืองตานนะคอนจะอ่อนแอ ราชินีซอที่สองรวมทั้งสภาตานีตัดสินใจช่วยเหลือมนุษย์โดยการส่งตานีเข้าร่วมรบกับกองทัพตานนะคอน และสามารถเอาชนะกองทัพร่วมของหัวเมืองต่างๆ รวมทั้งกองกำลังของบาหม่อนที่ยกมาหวังฉวยโอกาสได้ทั้งที่มีกำลังพลน้อยกว่าถึงหนึ่งต่อสิบ และในที่สุดก็สามารถตั้งตัวเป็นอาณาจักรตานนะคอนและขยายขอบเขตอำนาจออกไปอีก เมื่อสิ้นรัชสมัยของเจ้าล้านสักในปี 3741 อาณาจักรตานนะคอนขยายอาณาเขตไปจนจรดเยว่ ทิศตะวันตกถึงรัฐเขาขวางในปัจจุบัน ทิศใต้ถึงสุดขอบเขตรัฐเวียงคำและบางส่วนของรัฐป่าซาง และทิศตะวันออกถึงล้านเวียงและป่าหมอก นับเป็นหนึ่งในอาณาจักรที่มีอาณาเขตมากที่สุดของโลกยุคกลาง

วิกฤตศรัทธาจากมนุษย์[]

เมื่อเจ้าล้านสักสิ้นพระชนม์ เจ้าสนฉัดโอรสองค์โตได้ขึ้นครองเมืองตานนะคอนแทน เจ้าสนฉัดไม่ไว้ใจตานีมาตั้งแต่เด็ก และพยายามจะกีดกันตานีออกจากกองทัพด้วยเกรงว่าตานีจะยึดอำนาจจากมนุษย์ ราชินีแก้วซึ่งเป็นราชินีตานีในขณะนั้นเริ่มมองเห็นความกลัวนี้จึงลดการติดต่อกับมนุษย์ แต่ยังคงมีการแลกเปลี่ยนวิทยาการกันอย่างต่อเนื่องด้วยหวังว่ามนุษย์จะไว้ใจมากขึ้น อย่างไรก็ตาม เจ้าสนฉัดก็ยังคงหวาดระแวง และในที่สุดก็เริ่มมีกฎควบคุมตานีออกมา เช่นห้ามติดต่อกับมนุษย์ทั่วไปยกเว้นทหาร แต่ก็ห้ามติดต่อกับผู้นำระดับสูงของกองทัพ ห้ามขยายอาณาเขตสวนกล้วย ห้ามซ้อมรบบริเวณริมแม่น้ำตาน (ในขณะนั้นตานีมีที่ซ้อมรบสองแห่ง คือริมแม่น้ำตานกับที่เขตจอมตานริมฝั่งตะวันตกของป่าสน) และในที่สุดก็กลายเป็นห้ามข้ามแม่น้ำตานมายังฝั่งเมืองตานนะคอนและห้ามติดต่อกับมนุษย์เองโดยเด็ดขาดยกเว้นจะได้รับอนุญาตจากเจ้าสนฉัดเท่านั้น

กฎเหล่านี้สร้างความไม่พอใจในหมู่ตานีอย่างมากด้วยรู้สึกว่าเป็นการอกตัญญู แต่ราชินีแก้วตัดสินใจปฏิบัติตามเพื่อไม่ให้เกิดเรื่อง และยังไงตานีเองก็ไม่จำเป็นต้องสุงสิงกับมนุษย์อยู่แล้ว แต่ผลของกฎเหล่านี้สร้างความเสียหายมากกว่าที่เธอคิด ด้วยชาวบ้านรุ่นใหม่ๆที่ไม่ได้สัมผัสกับตัวจริงของตานีถูกเจ้าสนฉัดล้างสมองจนคิดว่าตานีเป็นตัวอันตราย จึงเกิดการทำร้ายตานีขณะปฏิบัติหน้าที่ตอนกลางคืนอยู่บ่อยครั้ง และในที่สุด มนุษย์ก็รวมตัวกันบุกข้ามแม่น้ำเข้าไปยังสวนกล้วยในการรบที่สวนกล้วยประวัติศาสตร์ตานนะคอน (3752) และสังหารตานีไปนับสิบตน สุดท้ายกองกำลังมนุษย์ก็ถูกฆ่าตายเกือบหมดรวมทั้งเจ้าสนฉัด แต่เหตุการณ์นี้ก็ยิ่งโหมไฟความหวาดกลัวที่มีต่อตานียิ่งขึ้นไปอีก

การปกปิดตัวตน[]

ช่วงปี 3752-3787 เป็นช่วงที่เหตุการณ์ค่อนข้างสงบ ตานีและมนุษย์ดำรงชีวิตอย่างต่างคนต่างอยู่ แต่เจ้าฟ้าหมื่นผู้เป็นโอรสของเจ้าสนฉัดและขึ้นครองเมืองตานนะคอนต่อยังคงล้างสมองชาวเมืองอย่างต่อเนื่อง และเริ่มสร้างกองกำลังทั้งหมอผีและทหารธรรมดาเพื่อฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ตานี เจ้าฟ้าแสนเมือง น้องชายของเจ้าฟ้าหมื่นซึ่งค่อนข้างใกล้ชิดกับตานี รวมทั้งชาวเมืองอีกบางส่วนต่อต้านแผนการนี้ บางคนถึงขั้นพยายามข้ามแม่น้ำตานไปบอกตานี แต่ทุกคนถูกเจ้าฟ้าหมื่นจับขังคุกหรือประหารชีวิต แม้แต่เจ้าฟ้าแสนเมืองก็ต้องหนีออกจากเมืองไปพักยังเชียงพิงค์ซึ่งในขณะนั้นยังเป็นเมืองทำเหมืองที่ห่างไกล

ในที่สุดเมื่อทุกอย่างพร้อม เจ้าฟ้าหมื่นก็นำทัพเข้าโจมตีสวนกล้วยในเดือนสิงหาคม 3787 แม้ตานีจะมีอาวุธล้ำสมัยกว่าเช่นปืนไรเฟิลกึ่งอัตโนมัติและปืนกล แต่เจ้าฟ้าหมื่นใช้วิธียิงปืนใหญ่กระสุนเพลิงเข้าใส่สวนกล้วยและใช้ธนูเพลิงยิง อีกทั้งตานียังเสียรู้แผนของมนุษย์จนกองทัพมนุษย์เล็ดลอดเข้ามาวางเชื้อเพลิงรอบป่าสนและจุดไฟเผาได้จนตานีต้องวุ่นวายอยู่กับการดับไฟ ในที่สุด ราชินีเอื้อยก็ถูกสังหาร และมนุษย์ก็จุดไฟเผาสวนกล้วยเหมือนที่ผีร้ายเคยทำเมื่อหนึ่งร้อยปีก่อนหน้านั้น

จุดหักเหของการรบเกิดขึ้นเมือแสนมิงซึ่งในขณะนั้นดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการรบสูงสุดตัดสินใจใช้ม่านพลังกำลังสูงกำบังตานีจากสายตามนุษย์ เมื่อมองไม่เห็นตานี มนุษย์ก็เข้าใจว่าตานีสิ้นอายุกันไปหมดแล้วจึงยกทัพกลับ เปิดทางให้ตานีเข้าไปดับไฟและบูรณะบ้านเรือนได้ แต่ความไว้วางใจมนุษย์นั้นหมดไปแล้วและไม่มีทางจะกลับมาได้อีก หลังจากเหตุการณ์นี้ เพลงและนิทานหลายบทของตานีต่างมีคติสอนใจว่าอย่าไว้ใจมนุษย์ และม่านพลังกำลังสูงของราชินีแสนมิงก็ถูกผนวกรวมกับพลังพื้นฐานของตานี และทดสอบแล้วทดสอบอีกจนแน่ใจว่าใช้พลังงานวิญญาณน้อยมากจนสามารถใช้ตลอดเวลาแม้แต่ตอนนอนหลับ และคงทนจนไม่ว่าจะถูกสาดด้วยของปฏิกูลหรือสูญสิ้นศรัทธาจากมนุษย์เท่าใดก็ไม่มีวันคลายออก นับเป็นพลังเวทเพียงพลังเดียวที่ตานีซึ่งปกติพึ่งอาวุธตลอดเวลาต้องมีทุกตน และใช้ตลอดเวลามาจนถึงปัจจุบัน

อย่างไรก็ตาม หลังจากการบุกสวนกล้วย อาณาจักรตานนะคอนก็ไม่ได้อยู่ยั่งยืน เมืองอื่นๆที่รู้ถึงการกระทำของเจ้าฟ้าหมื่นเริ่มแข็งเมืองอีกครั้งหลังจากตกอยู่ภายใต้การปกครองของเวียงตานมานับร้อยปี และในที่สุด กองทัพร่วมก็ถูกส่งมาประชิดเมืองตานนะคอนอีกครั้ง ครั้งแรกในปี 3788 เจ้าฟ้าหมื่นต้านเอาไว้ได้ แต่ครั้งต่อๆมาซึ่งมาติดกันทุกปี กองทัพของตานนะคอนก็อ่อนแอลงเรื่อยๆ และสุดท้ายในปี 3794 เจ้าฟ้าหมื่นก็ถูกจับได้ในที่รบและถูกประหารเสียบประจานเอาไว้หน้าค่ายของกองทัพจากเมืองเชียงม่วน อย่างไรก็ตาม เมืองตานนะคอนยังคงพยายามรบต่อ แต่ความไม่มั่นคงภายในและการแก่งแย่งราชสมบัติก็ทำให้ตานนะคอนตกเป็นเมืองขึ้นของอาณาจักรสารขัณฑ์ อาณาจักรเกิดใหม่ที่นำทัพมาปราบหัวเมืองทางเหนือจนราบคาบในปี 3807 หลังจากตั้งอาณาจักรมาได้เพียง 96 ปี ตานนะคอนไม่เคยได้รับเอกราชอีกเลยหลังจากนั้น และถูกผนวกรวมเป็นส่วนหนึ่งของราชสหพันธรัฐสารขัณฑ์ในปี 4047

เจ้าฟ้าแสนเมืองถูกเชิญจากเชียงพิงค์ให้มาเป็นเจ้าครองนครภายใต้การปกครองของสารขัณฑ์ ด้วยความเสียใจกับการกระทำของพี่ชาย เจ้าฟ้าแสนเมืองแต่งเพลง โคลงกลอน บทละครและหนังสือมากมายที่พรรณนาถึงพระคุณของตานีและความเลวร้ายของมนุษย์ผู้อกตัญญู และยังบันทึกตำนานของตานีตามที่ได้รับการบอกเล่าในสมัยเด็ก รวมทั้งเปลี่ยนชื่อพื้นที่ต่างๆของเมืองเพื่อเป็นที่ระลึกถึงตานี การกระทำของเจ้าฟ้าแสนเมืองเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตานีมีอิทธิพลทางจิตใจกับชาวเมืองตานนะคอนมาจนถึงปัจจุบัน

  • 3787 การรบที่สวนกล้วยประวัติศาสตร์ตานนะคอน (3787) ราชินีแสนมิงปกปิดตานีจากสายตามนุษย์
  • 3812 การรบที่สวนกล้วยประวัติศาสตร์ตานนะคอน (3812)
  • 3814 การปฏิวัติอุตสาหกรรมและการทหารตานี
  • 3827 คิดค้นวิธีการควบคุมม่านพลังงานวิญญาณด้วยเครื่องจักรเป็นครั้งแรก
  • 3831 การรบที่สวนกล้วยประวัติศาสตร์ตานนะคอน (3831) สงครามผีร้าย-ตานี (3831)
  • 3867 การรบที่สวนกล้วยประวัติศาสตร์ตานนะคอน (3867)
  • 3888 ทดลองเรือดำน้ำสำเร็จเป็นครั้งแรก
  • 3956 การรบที่สวนกล้วยประวัติศาสตร์ตานนะคอน (3956)
  • 3992 การรบที่สวนกล้วยประวัติศาสตร์ตานนะคอน (3992) สงครามผีร้าย-ตานี (3992)
  • 3956 การรบที่สวนกล้วยประวัติศาสตร์ตานนะคอน (3999)
  • 4028 สงครามกลางเมืองตานีครั้งที่สอง
  • 4046 ทดลองเครื่องบินสำเร็จเป็นครั้งแรก
  • 4055 ทดลองรถถังที่ใช้ตีนตะขาบสำเร็จเป็นครั้งแรก
  • 4082 สงครามโลก สวนกล้วยถูกทิ้งระเบิดเสียหายบางส่วน
  • 4088 คิดค้นคอมพิวเตอร์อิเล็กทรอนิกส์ได้เป็นครั้งแรก
  • 4152 การลอบสังหารราชินีซอที่สี่
  • 4154 การรบที่สวนกล้วยประวัติศาสตร์ตานนะคอน (4154) สงครามผีร้าย-ตานี (4154)

หน้าที่[]

หัวข้อหลัก - สนธิสัญญาตานี-มนุษย์-โลกหลังความตาย

จากสัญญาที่ตกลงเอาไว้กับโลกเบื้องหลัง ตานีมีหน้าที่ปกป้องมนุษย์จากภูตผีปีศาจ ส่งภูตผีปีศาจไปยังโลกหลังความตายโดยไม่มีเงื่อนไข รวมทั้งเป็นกำลังรบสำรองในกรณีที่เกิดเหตุการณ์นรกแตก อย่างไรก็ตาม โลกหลังความตายซึ่งมีประชากรหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ ได้อลุ้มอล่วยให้ตานีส่งแต่เพียงภูตผีปีศาจที่ทำร้ายมนุษย์หรือรบกวนมนุษย์ไปเท่านั้น ตานีเองก็ไม่ได้พอใจกับการถูกใช้เป็นเบ๊เก็บวิญญาณแทนยมทูตเช่นกัน และหลายตนก็ออกความเห็นว่าภูตผีปีศาจบางตนยังสมควรอยู่ในโลกมนุษย์ต่อไปเนื่องจากมีเหตุผลอันสมควรหรือไม่ได้ทำอันตรายและไม่ได้รบกวนมนุษย์

หน้าที่ในปัจจุบันของตานีจึงมีเพียงปกป้องมนุษย์จากภูตผีปีศาจ กำจัดภูตผีปีศาจที่เป็นอันตรายอย่างชัดเจนหรือมีแนวโน้มจะเป็นอันตรายเช่นมีการซ่องสุมกำลัง การรวมกลุ่ม หรือการฝึกซ้อมรบ และเป็นกำลังรบสำรองในกรณีเกิดเหตุการณ์นรกแตก

ความสามารถ[]

ธนูและอาวุธยิงระยะไกล[]

ด้วยสายตาที่ดีเลิศและการไม่ต้องหายใจ ตานีจึงมีความสามารถในการใช้อาวุธระยะไกลได้แม่นยำกว่ามนุษย์โดยลักษณะของเผ่าพันธุ์อยู่แล้ว เมื่อประกอบกับการฝึกและการค้นคว้าวิจัยอย่างต่อเนื่องทั้งด้านการฝึกและเทคโนโลยีอาวุธ ก็ทำให้ทักษะการยิงอาวุธระยะไกลของตานีอยู่ในขั้นอันตรายถึงชีวิตต่อเป้าหมาย ตานีสามารถยิงได้ทั้งธนู หน้าไม้ ปืนยิงลูกดอก ปืนสั้น ปืนลูกซอง ปืนไรเฟิลจู่โจม ปืนไรเฟิลซุ่มยิง ปืนกล และอาวุธขนาดใหญ่กว่านั้น แม้โดยปกติแล้วตานีจะฝึกเฉพาะอาวุธที่ตัวเองชอบหรือถนัดที่สุดเท่านั้น

กล่าวกันว่าด้วยธนูธรรมดา ตานีทั่วไปสามารถยิงเข้ากลางเป้าขนาดหนึ่งเซนติเมตรในระยะไกลถึงหนึ่งกิโลเมตรแม้จะมีลมขวาง สถิติอย่างเป็นทางการคือ 1464.2 เมตร (โดยแตง ลูกของตาว ในปี 4112) ส่วนสถิติการยิงไกลที่สุดด้วยปืนคือ 3851.8 เมตร ด้วย TM107A3 โดยกล้วย ในปี 4153

อำนาจเวทมนตร์และพลังพิเศษ[]

อำนาจเวทมนตร์ของตานีมีหลากหลาย โดยทั่วไปแล้ว ตานีสามารถหายตัว เคลื่อนที่ได้ในพริบตา เปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอก พรางตัว สร้างข่ายเวทป้องกันต่างๆ การจับไอวิญญาณ และพลังขั้นสูงสุดที่อนุญาตให้ใช้ได้เฉพาะราชินีตานีคือพลังในการเรียกภูตผีปีศาจออกมาจากโลกหลังความตายเมื่อใดก็ได้ที่ต้องการ ตานียังมีพลังลับที่สามารถกลายร่างเป็นปีศาจได้ แต่เมื่อกลายร่างแล้วจะสูญเสียสติสัมปชัญญะเกือบทั้งหมด ไม่สามารถกลับเป็นตานีอย่างเดิมได้อีก และจะต้องสิ้นอายุในไม่กี่นาทีหลังกลายร่าง ตานีจึงแทบไม่ใช้ความสามารถนี้แม้ในยามฉุกเฉินก็ตาม

แม้จะมีอำนาจเวทมนตร์มาก แต่ตานีแทบจะไม่ได้ใช้อำนาจนี้เลยเนื่องจากเหตุการณ์ในอดีตทำให้ตานีตัดสินใจพึ่งพาเทคโนโลยีและสิ่งประดิษฐ์ซึ่งไว้ใจได้มากกว่าอำนาจเวทมนตร์ที่ไม่แน่นอน อย่างไรก็ตาม ตานียังคงใช้ความสามารถพื้นฐาน เช่นการจับไอวิญญาณ ข่ายมนตร์พรางตัว และข่ายมนตร์พรางเสียงในการออกปฏิบัติการปกติเป็นบางครั้ง และยังคงใช้การเคลื่อนที่ในพริบตาหากต้องเดินทางไกลๆ แต่โดยปกติแล้ว ตานีมักจะเดินหรือใช้ยานพาหนะเสียมากกว่า

กองกำลังและยุทโธปกรณ์[]

การแบ่งกองกำลัง[]

กองกำลังตานีแบ่งออกเป็นหน่วยย่อยที่สำคัญสามหน่วย ได้แก่หน่วยอาวุธระยะไกล หน่วยอาวุธจู่โจมและอาวุธกล และหน่วยอาวุธระยะใกล้

หน่วยอาวุธระยะไกล[]

หน่วยอาวุธระยะไกลทำหน้าที่ซุ่มยิงในระยะไกลเมื่อออกปฏิบัติการเป็นทีมย่อย แต่จะทำหน้าที่เป็นพลอาวุธระยะไกล (Designated Marksman) ในการรบเต็มรูปแบบ นั่นคือหน้าที่ของหน่วยนี้จะเปลี่ยนจากการออกซุ่มยิงเป็นทีมเฉพาะกลายเป็นการไปกับหมู่ยิง และทำหน้าที่ยิงกดคู่ต่อสู้จากระยะไกล หน่วยนี้ใช้อาวุธปืนเล็กยาวซุ่มยิง (Sniper Rifle) แต่บางครั้งก็ใช้อาวุธจู่โจมเพื่อป้องกันตัวเองในระยะกลางและระยะใกล้ด้วย หน่วยนี้ยังมีหน้าที่ดูแลปืนใหญ่ ขีปนาวุธต่างๆและอากาศยาน รวมทั้งวางแผนการยิงปืนใหญ่ ขีปนาวุธและแผนการรบทางอากาศ

หน่วยอาวุธจู่โจมและอาวุธกล[]

หน่วยอาวุธจู่โจมและอาวุธกลมีมากที่สุดในสามหน่วยของตานี ในสถานการณ์ปกติ หน่วยนี้มักมีหน้าที่ชี้เป้าและคุ้มกันหน่วยอาวุธระยะไกล ส่วนในสงครามเต็มรูปแบบ หน่วยนี้มีหน้าที่เข้ายึดพื้นที่ ยิงข่มขวัญ และเป็นกำลังรบหลัก ใช้ปืนเล็กยาวจู่โจม (Assault Rifle) และปืนกลต่างๆ อีกทั้งยังมีหน้าที่ดูแลอาวุธกลหนัก อาวุธต่อสู้อากาศยาน และรถถัง รวมทั้งการวางแผนการรบเกี่ยวกับรถถังและยานเกราะ

หน่วยอาวุธระยะใกล้[]

หน่วยอาวุธระยะใกล้มีความคล่องตัวสูง ในสถานการณ์ปกติมีหน้าที่คุ้มกันหน่วยอาวุธระยะไกลจากการโจมตีในระยะใกล้เช่นเดียวกับหน่วยอาวุธจู่โจมฯ ส่วนในสงครามเต็มรูปแบบ หน่วยนี้มีหน้าที่ในการปฏิบัติการลับ วางระเบิด ทำลายอาคารสถานที่และลอบสังหาร ใช้ปืนพก ปืนลูกซองและมีด รับผิดชอบวัตถุระเบิด การวางระเบิด สงครามนอกแบบต่างๆ และกองเรือดำน้ำ รวมทั้งการวางแผนการรบเกี่ยวกับปฏิบัติการลับ

ยุทโธปกรณ์ปัจจุบัน[]

ด้วยความที่เป็นเผ่าพันธุ์กึ่งทหารและต้องสู้รบกับวิญญาณอยู่เรื่อยๆ แม้จะไม่ได้บ่อย ตานีจึงมีโรงงานวิจัย ออกแบบและผลิตอาวุธของตนเองแบบครบวงจร และโดยปกติแล้ว ตานีทุกตนก็จะมีความเชี่ยวชาญในวิชาการผลิตอาวุธด้านหนึ่งๆอยู่แล้ว เช่นความเชี่ยวชาญด้านเครื่องกลของกล้วย ความเชี่ยวชาญด้านอิเล็กทรอนิกส์ของกล้าย หรือความเชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดของนาง จึงทำให้อาวุธที่ตานีคิดค้นและผลิตออกมามีคุณภาพสูงและเต็มไปด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ ซึ่งหลายครั้งเทคโนโลยีเหล่านี้ก็ถ่ายทอดไปยังเผ่าพันธุ์วิญญาณหรือสิ่งมีชีวิตอื่นๆที่ตานีติดต่อด้วยเช่นกัน

โรงงานของตานีประกอบด้วยโรงงานผลิตอาวุธตานีซึ่งผลิตอาวุธประจำกายและอาวุธยิงทั้งหลาย โรงงานประกอบยานเกราะตานีซึ่งประกอบยานเกราะตั้งแต่รถถัง รถหุ้มเกราะต่างๆ ไปจนกระทั่งรถยนต์ที่ใช้ในงานทั่วไป โรงงานผลิตเครื่องบินตานี และอู่ต่อเรือตานีซึ่งเน้นต่อเรือดำน้ำเพื่อใช้ในแม่น้ำตาน วัตถุดิบส่วนใหญ่หามาจากเหมืองในเทือกเขาตานปันน้ำ นอกจากนั้น ตานียังมีเทคโนโลยีการรีไซเคิลซึ่งทำให้นำวัตถุดิบกลับมาใช้ใหม่ได้ตั้งแต่ 60-95% เลยทีเดียว

ตานียังรับซื้ออาวุธที่ผลิตตามแบบ (License Built) จากโรงงานของเผ่าพันธุ์อื่นๆ และมีบางครั้งที่รับซื้ออาวุธซึ่งเผ่าพันธุ์อื่นออกแบบ อย่างไรก็ตาม กรณีหลังนี้หาได้ยากมาก

อาวุธประจำกาย[]

ชื่อ ประเภท ขนาดกระสุน ผู้ผลิต Notes
TM107/A1/A2/A3 ปืนเล็กยาวซุ่มยิงทำลายสสารกึ่งอัตโนมัติ .50BMG (12.7x99mm BMG) โรงงานผลิตอาวุธตานี, โรงงานผลิตอาวุธสายคำ ใช้โดยหัวหน้าและหน่วยรบพิเศษ หน่วยอาวุธระยะไกล
TM46/S/L/A ปืนเล็กยาวซุ่มยิง .338L โรงงานผลิตอาวุธตานี หน่วยอาวุธระยะไกล
TM74D ปืนเล็กยาวซุ่มยิงอัตโนมัติ 7.62x54mm โรงงานผลิตอาวุธตานี, โรงงานผลิตอาวุธสายคำ หน่วยอาวุธระยะไกล
TM74A, B, C ปืนเล็กยาวซุ่มยิงอัตโนมัติ 7.62x54mm โรงงานผลิตอาวุธตานี ปลดประจำการไว้ใช้สำหรับการฝึกเท่านั้น
TMA44/A1/A2/A3 ปืนเล็กยาวจู่โจม 5.56x45mm โรงงานผลิตอาวุธตานี, โรงงานผลิตอาวุธสายคำ ใช้โดยหัวหน้าและหน่วยรบพิเศษ หน่วยอาวุธจู่โจม
TMA16A1/A2/A4 ปืนเล็กยาวจู่โจม 5.56x45mm โรงงานผลิตอาวุธตานี หน่วยอาวุธจู่โจม
TMA74 ปืนเล็กยาวจู่โจม 7.62x39mm โรงงานผลิตอาวุธตานี หน่วยอาวุธจู่โจม
TMA550 ปืนเล็กยาวจู่โจม 5.56x45mm โรงงานผลิตอาวุธตานี, โรงงานผลิตอาวุธสายคำ หน่วยอาวุธจู่โจม
TMG203 เครื่องยิงลูกระเบิด 40x46mm โรงงานผลิตอาวุธตานี หน่วยอาวุธจู่โจม
TMS4A1/A2 ปืนลูกซองสงครามกึ่งอัตโนมัติ 12 Gauge โรงงานผลิตอาวุธตานี, โรงงานผลิตอาวุธสายคำ ใช้โดยหัวหน้าและหน่วยรบพิเศษ หน่วยอาวุธระยะใกล้
TMS870 ปืนลูกซองสงคราม 12 Gauge โรงงานผลิตอาวุธตานี, โรงงานผลิตอาวุธสายคำ หน่วยอาวุธระยะใกล้
TMS8 ปืนลูกซองสงคราม 12 Gauge โรงงานผลิตอาวุธตานี หน่วยอาวุธระยะใกล้

อาวุธพิเศษ[]

ชื่อ ประเภท ขนาดกระสุน ผู้ผลิต Notes
TM88T/U ปืนใหญ่ต่อต้านยานเกราะ 88mm โรงงานผลิตอาวุธตานี
TM330 ปืนซุ่มยิงต่อต้านยานเกราะ 15.2x169mm โรงงานผลิตอาวุธตานี
TM677 ปืนใหญ่หนักตรึงกับที่ 155mm โรงงานผลิตอาวุธตานี ประจำบนหอคอยปืนใหญ่
TMM2 ขีปนาวุธระยะสั้นนำวิถีด้วยเรดาร์ โรงงานผลิตอาวุธตานี ประจำบนหอคอยปืนใหญ่
TMC60 ปืนกลเบา 7.62x54mm, 7.62x51mm โรงงานผลิตอาวุธตานี
TMC2 ปืนกลหนัก .50BMG โรงงานผลิตอาวุธตานี
TMG8 ปืนกลหนักลำกล้องหมุนต่อต้านรถถัง 30x173mm โรงงานผลิตอาวุธตานี
TE41 ระเบิดพลาสติก โรงงานผลิตอาวุธตานี

ยานเกราะ[]

ชื่อ ประเภท ปีที่เข้าประจำการ จำนวน ผู้ผลิต Notes
TT-42 รถถังสงครามหลัก (Main Battle Tank) 4142 50 โรงงานประกอบยานเกราะตานี
TT-42M รถถังสงครามหลัก (Main Battle Tank) 4155 0 โรงงานประกอบยานเกราะตานี เป็น TT-42 ที่เสริมจรวดนำวิถีระยะใกล้และปรับปรุงระบบต่างๆ TT-42 กำลังทยอยเข้ารับการปรับปรุงเป็น TT-42M
TT-45 รถถังสงครามหลัก (Main Battle Tank) 4145 60 โรงงานประกอบยานเกราะตานี
TAPC-32 รถลำเลียงพลหุ้มเกราะ (APC) 4132 56 โรงงานประกอบยานเกราะตานี
TTH-48 ปืนใหญ่อัตตาจร 155mm 4148 14 โรงงานประกอบยานเกราะตานี
TTM-48 ฐานปล่อยขีปนาวุธระยะใกล้เคลื่อนที่ 4148 6 โรงงานประกอบยานเกราะตานี
AVLB-45 สะพานเคลื่อนที่ 4147 4 โรงงานประกอบยานเกราะตานี ใช้แชสซีส์และเครื่องยนต์ของ TT-45

อากาศยาน[]

ชื่อ ประเภท ปีที่เข้าประจำการ จำนวน ผู้ผลิต Notes
TF-50 เครื่องบินรบครองอากาศ (Air-Superiority Fighter) 4150 12 โรงงานผลิตเครื่องบินตานี สั่งเพิ่มอีก 20 ลำ แต่หลังจากสวนกล้วยแตก การส่งมอบก็ไม่น่าเป็นไปได้
TF-34 เครื่องบินขับไล่และโจมตีภาคพื้นดินขนาดเบา 4134 40 โรงงานผลิตเครื่องบินตานี จะปลดระวางในปี 4162
TA-40 เครื่องบินโจมตีภาคพื้นดิน 4140 8 โรงงานผลิตเครื่องบินตานี
TAC-50 เครื่องบินโจมตีภาคพื้นดินขนาดหนัก (Gunship) 4150 4 โรงงานผลิตเครื่องบินตานี
TC-38 เครื่องบินขนส่งขนาดใหญ่ 4138 8 โรงงานผลิตเครื่องบินตานี

เรือ[]

ชื่อ ประเภท ปีที่เข้าประจำการ จำนวน ผู้ผลิต Notes
TSB-25 เรือดำน้ำยิงขีปนาวุธ 4125 6 อู่ต่อเรือตานี จะปลดระวางในปี 4156
TSB-48 เรือดำน้ำยิงขีปนาวุธ 4148 6 อู่ต่อเรือตานี
TST-34 เรือดำน้ำตอร์ปิโด 4134 8 อู่ต่อเรือตานี

ชุดเกราะ เครื่องแบบและเครื่องแต่งกาย[]

หัวข้อหลัก - ตะเบงมานคอมมานโด

ตานีมีเครื่องแบบประจำเผ่าพันธุ์คือตะเบงมาน ซึ่งประกอบด้วยผ้าพันคอยาวที่พันทับเสื้อจากรอบคอไขว้ลงมาที่หน้าอก ในปัจจุบัน ตะเบงมานต้นแบบนั้นใช้เพียงในพิธีการเท่านั้น สำหรับการปฏิบัติการปกติ ตานีจะสวมชุดเครื่องแบบรบแบบที่ 4 คำอู้ หรือที่เรียกกันทั่วไปว่าตะเบงมานคอมมานโด ซึ่งประกอบด้วยเสื้อและกางเกงใยสังเคราะห์เนื้อหนา เข็มขัดมีช่องเสียบสำหรับอุปกรณ์ต่างๆ พร้อมแบตเตอรี่ลิเทียม-ไอออน 24V 8000mAh และรองเท้าบูตผ้าโพลิเมอร์สานซึ่งเบาแต่แข็งแรง ชิ้นส่วนสุดท้ายคือตะเบงมานที่มีหน้าที่เพียงประดับและเป็นสัญลักษณ์ของตานีเท่านั้น หน่วยอาวุธระยะไกลส่วนใหญ่มักชอบผ้าพันคอแบบยาวเนื่องจากสามารถใช้ช่วยวัดทางลมได้หากเครื่องมือเกิดขัดข้องหรือหมดพลังงาน ในขณะที่อีกสองหน่วยซึ่งเคลื่อนไหวมากกว่าชอบแบบสั้นเนื่องจากไม่เกะกะและไม่เป็นเป้าสายตาของฝ่ายตรงข้าม

วัฒนธรรม[]

เนื่องจากเป็นเผ่าพันธุ์ทหาร ตานีจึงไม่ใส่ใจศิลปะและวัฒนธรรมอย่างอื่นมากนัก ทุกอย่างมักสร้างขึ้นโดยเน้นประโยชน์ใช้สอยเป็นหลักและความสวยงามเป็นรอง หรือหากทำให้สวยไม่ได้หรือลำบากเกินไปก็จะปล่อยทิ้งเอาไว้ทั้งอย่างนั้น งานศิลปะของตานีนั้นหายากมากแทบนับชิ้นได้ แม้แต่รูปวาดธรรมดาๆหรือวรรณคดีก็ยังหายาก ส่วนใหญ่มีเพียงบันทึกการรบ ภาพแผนการรบ และตำราการทหารเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ในด้านดนตรีตานีถือได้ว่าเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีความหลากหลายมากเผ่าพันธุ์หนึ่ง ดนตรีของตานีมีต้นกำเนิดสำคัญมาจากเพลงกล่อมเด็ก จนกระทั่งพัฒนามาเป็นเพลงสอนตานีรุ่นเยาว์ ซึ่งเพลงสอนใจเหล่านี้มีอยู่นับร้อยเพลง ส่วนใหญ่มักเป็นการสอนชั้นเชิงในการรบพื้นฐาน สอนค่านิยมสำคัญต่างๆเช่นการวางแผนการรบล่วงหน้า การรู้จักคาดเดาสถานการณ์ การจัดกองกำลังเบื้องต้น หรือลักษณะของภูตผีที่พบเจอได้บ่อยเป็นต้น เนื้อหาที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งของเพลงสอนเด็กตานีคืออย่าไว้ใจมนุษย์ ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากการรบที่สวนกล้วยประวัติศาสตร์ตานนะคอน (3787) ซึ่งมนุษย์เข้าทำลายเผ่าพันธุ์ตานีจนแทบไม่เหลือจนราชินีตานีในขณะนั้นตัดสินใจปกปิดตัวเองจากสังคมมนุษย์

ตานียังมีเพลงอีกชนิดซึ่งไว้ใช้เล่นในงานสำคัญๆ ซึ่งเป็นเพลงที่มีพื้นฐานมาจากดนตรีพื้นบ้านของตานนะคอน และมีท่ารำประกอบเพลงที่อ่อนช้อยสวยงาม มีตานีน้อยตนที่จะสามารถรำท่ารำนี้ได้ ส่วนหนึ่งเพราะตานีหลายตนเห็นว่าน่าจะเอาเวลาฝึกซ้อมรำไปซ้อมรบมากกว่า

การติดต่อกับเผ่าพันธุ์อื่น[]

แม้จะถูกนับว่าเป็นเสมือนตำรวจวิญญาณและไม่ค่อยมีเผ่าพันธุ์วิญญาณชอบหน้ามากนัก ตานีก็มีการติดต่อกับเผ่าพันธุ์อื่นๆเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะเผ่าพันธุ์ที่เป็นวิญญาณผู้พิทักษ์ในรัฐใกล้เคียงเช่นกะและพรายน้ำ โดยส่วนมากจะเป็นการแลกเปลี่ยนหรือขายอาวุธ แลกเปลี่ยนเทคโนโลยีและร่วมซ้อมรบ นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าตานีเริ่มมีการติดต่อกับสมิงและวิญญาณหิมะจากฮิมิตสึด้วยเช่นกัน

วิญญาณบางตนก็ร่วมงานกับตานี ตัวอย่างที่สำคัญคือสายคำ สะหวันพาหรืออุ๊ยสาย ซึ่งเป็นผีที่ได้รับสิทธิ์ในการผลิตอาวุธที่ตานีออกแบบ นอกจากนั้นยังได้รับเชิญไปสอนวิชาอาวุธศึกษาในโรงเรียนตานีและมหาวิทยาลัยตานีอีกด้วย

แม้จะไม่ไว้ใจมนุษย์ แต่หลายครั้งมนุษย์ก็ได้รับเทคโนโลยีจากตานีมาโดยทางอ้อมเช่นจากเผ่าพันธุ์วิญญาณอื่นๆที่ติดต่อกับตานี หรือพบร่อยรอยการสู้รบของตานีแล้วนำสิ่งที่ได้ไปต่อยอด ตัวอย่างสำคัญก็เช่นกระสุนปืน .50G ซึ่งได้แบบมาจาก .50BMG และอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆอีกมากมายในกองทัพของรัฐเวียงตาน

ตานีที่สำคัญ[]

ดูเพิ่มเติม[]

Advertisement